ขั้นตอนการแยกผ้าก่อนนำไปซัก

ก่อนอื่นเรารู้ได้ว่างานโรงแรมผ้าส่วนหลักใหญ่ที่ส่งมาให้ทำความสะอาดนั้นส่วนมากจะมาจากแผนกแม่บ้านและแผนกอาหารและเครื่องดื่มจากชุดพนักงานที่ใส่ทำงานและจากแขกผู้ที่มาพักกับเราสามารถแยกลำดับดังต่อไปนี้

  1. แยกประเภทของผ้าที่เป็นชนิดเดียวกัน

  2. แยกสีผ้าเดียวกัน

  3. แยกผ้าที่มีคราบสกปรกออกมาทำการแปรงหรือแช่สบู่ก่อนนำไปซัก

แยกประเภทของผ้าที่เป็นชนิดเดียวกัน

ทำไมต้องแยกประเภทของผ้าที่เป็นชนิดเดียวกันเพราะในการที่ผ้าชนิดเดียวกันการถูกใช้งานย่อมเหมือนกันมันจะไปสอดคล้องกับขบวนการซักที่จะสัมพันธ์กันของในเรื่องเวลาในการซัก อุณหภูมิ เคมีที่ใช้ และสดวกในการจัดเก็บ

ยกตัวอย่างผ้าปูที่นอนกับผ้าปูโต๊ะ ที่ถูกใช้งานไม่เหมือนกันผ้าปูที่นอนจะถูกใช้งานในกรณีที่เสี่ยงต่อคราบสกปรกน้อยการซักอบรีดออกมาผ้าจะต้องสะอาดมีกลิ่นของความสะอาดหลังจากการซัก แต่ผ้าปูโต๊ะไว้สำหรับเวลาที่แขกทานอาหารย่อมมีการเปอะเปื้อนจากคราบเศษอาหารและกลิ่นอาหารฉะนั้นขั้นตอนในการซักจะแตกต่างกันไป

แยกสีผ้าเดียวกัน

การแยกสีผ้าเดียวกันจะช่วยในด้านการป้องกันสีตกใส่กันและการฟอกผ้าให้ขาวซึ่งจะมีสารฟอกขาวหรือที่เรียกกันในสถานซักอบรีดว่าบรีชหรือครอรีนที่มีคุณสมบัติการฟอกผ้าขาวได้อย่างเดียว ส่วนการฟอกผ้าสีก็จะมีเคมีที่ใช้ในการฟอกผ้าสีต่างหากที่สามารถใช้ในการฟอกได้ทั้งผ้าขาวและผ้าสีที่เราเรียกทางเคมีว่าออกซิเจนบรีช

แยกผ้าที่มีคราบสกปรกออกมาทำการแปรงหรือแช่สบู่ก่อนนำไปซัก

การซักทุกครั้งเคมีและแรงเหวี่ยงของเครื่องไม่ได้ทำให้คราบสกปรกที่ติดแน่นออกได้หมดอย่างเช่นผ้าตามโรงแรม คราบเลือด คราบครีมกันแดด คราบเครื่องสำอาง คราบจำพวกนี้จะต้องมีการคัดแยกออกต่างหากสิ่งที่ได้ไม่ต้องทำงานซ้ำซ้อนและไม่สิ้นเปลืองสิ่งที่ตามมา

บทสรุปได้ว่าถ้ามีการทำตามขั้นตอนในการแยกผ้าผลที่จะได้

 

  1. ประหยัดเวลาไม่ต้องเสียเวลามาในการมาทำใหม่

  2. ประหยัดเคมีที่ใช้

  3. ประหยัดแรงงานและกำลังคน

  4. ยืดอายุของผ้า